อันตรายที่ควรรู้ของอาหารเช้าที่นักเรียนชอบรับประทาน

อย่างที่ทราบกันดีว่ามื้อเช้านั้น เป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นอาหารมื้อแรกที่เราจะได้รับประทาน หลังจากที่พักผ่อนมาตลอดทั้งคืน ซึ่งตอนกลางคืนนั้นเราจะใช้พลังงานส่วนใหญ่ไปกับการควบคุมระบบต่าง ๆ ของร่างกายระหว่างการนอนหลับ และไม่ได้รับประทานอาหารอะไรเพิ่มเติม ทำให้เมื่อตื่นนอนในตอนเช้าร่างกายของเราจึงรู้สึกหิวเป็นพิเศษ และการรับประทานอาหารตอนเช้านอกจากจะเป็นการปฏิบัติตนที่ถูกต้องตามนาฬิกาชีวิตแล้ว การรับประทานอาหารเช้าอย่างเต็มที่จะช่วยในเรื่องสุขภาพอีกด้วย เพราะทำให้เราได้รับพลังงานที่เพียงพอในแต่ละวัน และไม่จำเป็นต้องรับประทานมากในมื้ออื่น ๆ เช่น มื้อกลางวันหรือมื้อเย็น ที่คนเราใช้พลังงานน้อยกว่า ซึ่งทำให้ไม่เป็นโรคอ้วน


การไม่รับประทานอาหารเช้า นอกจากจะทำให้อ่อนเพลียแล้ว ยังมีผลทำให้เกิดโรคกระเพาะได้ เพราะถ้าไม่ได้รับประทานอาหารในช่วงเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้น้ำย่อยที่ออกมาตามช่วงเวลาไปกัดกระเพาะจนเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้การไม่รับประทานอาหารเช้ายังส่งผลเสียต่อการทำงานของสมอง และทำให้สมองทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่นักเรียนควรต้องรับประทานอาหารเช้า เพราะจะช่วยให้สมองเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่นั้นเอง

        สำหรับอาหารเช้าที่นักเรียนชอบรับประทานนั้น มีมากมายหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความชอบของนักเรียนแต่ละคน ว่าตัวเองอยากรับประทานอาหารอะไรในแต่ละวัน แต่ถึงแม้จะสร้างเสริมอุปนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหารเช้า แต่อาหารเช้าหรืออาหารที่มักจะรับประทานกันต่อเช้าก็ใช่ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยต่อไปนี้คือบรรดาอาหารเช้าที่นักเรียนมักจะชอบรับประทาน แต่ก็เป็นอาหารแฝงไว้ซึ่งอันตรายที่ควรรู้เช่นเดียวกัน ซึ่งมีดังต่อไปนี้


1. ปาท่องโก๋

        แป้งที่ทอดบนน้ำมันร้อน ๆ รับประทานคู่กับน้ำเต้าหู้หรือโจ๊กนั้น นับเป็นอาหารเช้ายอดนิยมอย่างหนึ่งที่หลาย ๆ คนรู้จัก ด้วยเพราะความที่หารับประทานได้ง่าย และราคาไม่แพง จึงทำให้นักเรียนบางส่วนชื่นชอบที่จะรับประทานสิ่งนี้เป็นอาหารเช้า แต่อย่างไรก็ตาม การรับประทานปาท่องโก๋เป็นประจำนั้น อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย เพราะปาท่องโก๋นั้น ในบางร้านอาจมีการใช้น้ำประสาททองหรือบอร์แรกซ์ เพื่อให้ปาท่องโก๋มีความกรอบ โดยบอร์แรกซ์นั้นนับว่าเป็นสารต้องห้ามในการใช้ทำอาหาร ซึ่งแม้ปัจจุบันจะมีการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วไม่พบว่ามีการใช้สารบอร์แรกซ์ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะไม่มีการใช้ทั้งหมด เพราะก่อนที่จะมีการห้ามใช้สารดังกล่าวนั้น ก็มีการนำสารบอร์แรกซ์มาใช้ในอาหารมาช้านานแล้ว

        นอกจากนี้ปาท่องโก๋เป็นอาหารที่มีการทอดด้วยน้ำมันซ้ำสูงมาก ทำให้เกิดสารอะคริลาไมล์ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างกรดอะมิโนชนิดแอสพาราจีนกับน้ำตาลรีดิวซิงเช่นกลูโคสและฟลุคโตสที่อุณหภูมิเกินกว่า 120 องศาเซลเซียส โดยเป็นผลมาจากการทอดแป้งที่อุณหภูมิสูง ซึ่งสารอะคริลาไมล์นั้น ถ้าได้รับปริมาณมากก็จะเป็นพิษต่อระบบประสาทและส่งผลให้เป็นมะเร็งได้


2. เนื้อสัตว์ย่าง

        หมูปิ้งหรือไก่ปิ้งเสียบไม้ย่างบนเตาถ่าน ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ คืออาหารอีกอย่างหนึ่งที่เป็นยอดนิยมของบรรดานักเรียนแทบจะทุกช่วงวัย เพราะด้วยรสชาติที่อร่อย รับประทานได้ง่าย และหาทานได้สะดวก จึงทำให้บรรดาร้านขายหมูปิ้งที่มีทำเลอยู่บริเวณโรงเรียนกลายเป็นร้านที่ขายดีแบบเทน้ำเทท่า แต่อย่างไรก็ตาม รสชาติที่อร่อยก็แฝงมาด้วยอันตรายที่มีไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เกิดจากการรับประทานเนื้อสัตว์ที่เกิดจากการย่างไม่สุก ทำให้มีพยาธิหรือเชื้อโรคที่อาจทำให้ท้องเสียหรือท้องร่วงได้ และรวมถึงกรรมวิธีที่ไม่สะอาดจนอาจมีเชื้อโรคแฝงเช่น  แบคทีเรียซาลโมเนลลา ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้อีกด้วย

        นอกจากนี้ ด้วยความที่อาหารชนิดนี้เป็นอาหารย่าง จึงทำให้เกิดส่วนที่ไหม้ดำได้ ซึ่งแม้ว่าจะมีการตัดเอาส่วนที่ไม่ดำออกไปบ้าง แต่ก็มีบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้พบ PAH (Polycyclic aromatic hydrocarbon) ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของสารอินทรีย์เช่นไขมันที่อยู่ในเนื้อสัตว์และ น้ำมันและคล้ายคลึงกับการเผาไหม้ในเครื่องยนต์บุหรี่และเตาเผาเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึง สารเฮทเทอโรโซคลิกเอมีน (Heterocyclic amines: HAs) ที่เกิดจากการเผาไหม้โปรตีนซึ่งทั้งสองส่วนนี้ล้วนเป็นสารก่อมะเร็งที่ถ้ารับเข้าไปเป็นประจำ ก็ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งได้ อีกทั้งด้วยปริมาณแคลอรีที่สูง การรับประทานอาหารชนิดนี้เป็นประจำ และไม่ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ ก็จะส่วนผลทำให้เป็นโรคอ้วนได้อีกด้วย


3. ของทอด

        บรรดา เนื้อสัตว์ทอด เช่น ไก่ทอด หมูทอด หรือ อาหารแปรรูปต่าง ๆ เช่น ลูกชิ้น หรือไส้กรอกทอด นั้นมักเป็นที่โปรดปรานเสมอสำหรับนักเรียน ด้วยความกรอบ และรสชาติที่อร่อย ทำให้ของทอดกลายเป็นของอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในมื้อเช้า ซึ่งแม้จะเป็นอาหารยอดนิยม แต่การรับประทานของทอดเป็นประจำนั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกิดจากคอเลสเตอรอลสูง เนื่องจากปริมาณไขมันที่รับเข้าไปเป็นจำนวนมาก เพราะลำพังพวกเนื้อสัตว์ก็มีไขมันที่อยู่ตัวของมันเองมากอยู่แล้ว และรวมกับไขมันที่มาจากน้ำมันที่ใช้ในการทอด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ก็ทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย และส่งผลให้เกิดโรคความดันและหัวใจตามมาได้ และเช่นเดียวกับอาหารทอดโดยทั่วไป การใช้น้ำมันทอดซ้ำก็ทำให้เกิดสารอะคริลาไมล์ ซึ่งเพิ่มอัตราการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย


4. อาหารแปรรูป

        พวกอาหารแปรรูปอย่างพวกลูกชิ้นและไส้กรอกนั้น แม้จะเป็นอาหารที่สามารถรับประทานได้ แต่การรับประทานสิ่งเหล่านี้เป็นประจำนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เพราะอาหารแปรรูปเหล่านี้ มีการผสมของเนื้อสัตว์และเครื่องเทศ และรวมถึงการปรุงแต่งกลิ่นทางเคมี และบางที่ยังใส่สารกันบูดอีกด้วย ทำให้การรับประทานอหารประเภทนี้บ่อยครั้งจะทำให้รับสารเหล่านี้เข้าไปมากเกินเกณฑ์ที่ปลอดภัย และอาจจะทำให้เกิดอาการป่วยได้

        นอกจากนี้ อาหารเหล่านี้ แม้ว่าจะมีวันหมดอายุระบุชัดเจน แต่หลายครั้งพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่รับผิดชอบก็มักนำเอาอาหารแปรรูปที่ใกล้จะหมดอายุหรือหมดอายุไปแล้ว มาใช้ซึ่งทำให้เกิดผลเสียและเป็นอัตรายอย่างมากต่อร่างกายอีกด้วย


5. อาหารแช่แข็ง

        อาหารแช่แข็งตามร้านสะดวกซื้อ แม้ว่าจะมีกรรมวิธีในการทำที่สะอาดสามารถรับประทานได้เหมือนอาหารที่ปรุงสุกใหม่ทั่วไป แต่ถ้าละลายน้ำแข็งไม่ดีอาจก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการป่วย เช่น ท้องร่วง ท้องเสีย หรือ อาหารเป็นพิษได้

        นอกจากนี้เนื่องจากอาหารแช่แข็งตามร้านสะดวกซื้อนั้น จะต้องทำรสชาติให้ถูกคอคนส่วนใหญ่ และต้องเก็บไว้ได้นาน จึงทำให้มีการปรุงโดยมีปริมาณโซเดียมที่สูง และมีการใส่สารกันบูด ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะรับประทานอาหารแช่แข็งเป็นประจำ และควรเลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ก่อนเสมอ


       ความจริง ไม่เฉพาะอาหารและวัตถุดิบทำอาหารเท่านั้นที่อาจเป็นอันตราย บรรจุภัณฑ์และภาชนะต่าง ๆ ที่พ่อค้าแม่ค้าใช้ เช่น พวกกล่องโฟม หรือการใช้ถุงหรือแก้วพลาสติกที่ผิดประเภท ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้ออาหารควรตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ที่พ่อค้าแม่ค้าใช้ และถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงการนำภาชนะมาเองก็ดูจะเป็นเรื่องที่ปลอดภัยมากกว่า

        ปัจจุบันหลายโรงเรียนมีโครงการอาหารเช้า ซึ่งนับเป็นโครงการที่ดีสำหรับนักเรียนที่จะได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัย ถูกหลักโภชนาการและปรุงสุกใหม่ๆจากที่โรงเรียน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือบางโรงเรียน ที่แม้จะไม่มีโครงการอาหารเช้า แต่ก็มีโรงอาหารที่พร้อมจะให้บริการอาหารเช้าสำหรับนักเรียน ซึ่งราคาไม่แพง และมีการดูแลโภชนาการจากทางโรงเรียนอย่างดี จึงเป็นทางเลือกที่ผู้ปกครองควรสนับสนุนให้นักเรียนมารับประทานอาหารที่โรงเรียน เพราะนอกจากจะประหยัดแล้วและนักเรียนยังได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัยอีกด้วย



article related